วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555


บทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงที่น่าอ่าน

ขออนุญาตคัดลอกบทความจากที่อื่นมาเก็บและเผยแพร่ต่อนะครับ
บทความนี้ได้มาจาก
http://gotoknow.org/blog/stou2499000863/138968

เศรษฐกิจพอเพียงเยียวยา....โลก
“ในหลวง” กับรหัสพัฒนา ใหม่


ตลอดระยะเวลา ๖๐ ปี แห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศเป็นอเนกปริยาย ทั้งด้านการศึกษา ศาสนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม การแพทย์ การสาธารณสุข ฯลฯ อาจจะเรียกได้ว่าทุกด้าน พระ ราชกรณียกิจเกี่ยวกับการพัฒนาต่างๆ เหล่านี้ ได้มีการกล่าว ถึง อยู่ทั่วไปในลักษณะต่างๆ ในบทความนี้ต้องการหาความหมายเชิงลึกของแนวทางการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษาในช่วงต้น และทรงได้รับการศึกษาท่ามกลางอารยธรรมของยุโรป อัน อาจกล่าวว่าทรงเป็นบุคคลทันสมัย แต่ทิฐิหรือทรรศนะ เกี่ยวกับการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หาตรงกับแนว ทางของอารยธรรมตะวันตกไม่ แต่แตกต่างกันถึงฐานราก อาจเรียกได้ว่าไม่ใช่ทรรศนะแบบตะวันตกด้วยซ้ำ ทิฐิ(concept) เกี่ยวกับเรื่องอะไรนำไปสู่การปฏิบัติตามแนวคิดนั้น ในมรรคมี องค์ ๘ ท่านจึงเริ่มต้นข้อ ๑ ด้วยสัมมาทิฐิเสมอ เพราะสัมมาทิฐินำสู่สัมมาปฏิบัติ แต่ ถ้าเริ่มต้นเป็นมิจฉาทิฐิ สิ่งที่ตามมาคือมิจฉาปฏิบัติ

แนว ความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นสัมมาทิฐิก็ นำสู่สัมมาพัฒนา แต่ถ้าเป็น มิจฉาทิฐิก็นำสู่มิจฉาพัฒนา ฉะนั้นในการหาความหมาย เชิงลึกของแนวทางการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึง ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับทิฐิของการพัฒนา เปรียบเทียบ ระหว่างการพัฒนาตามแนวทางอารยธรรมตะวันตกและแนวทางตามพระราชดำริ รหัสพันธุกรรม (Genetic Code) กำหนด รูปลักษณ์ของชีวิต

รหัสพัฒนา (Development Code) กำหนดรูป ลักษณ์ของสังคม ในที่ดินผืนเดียวกัน มีต้นไม้นานาพันธุ์ที่แตกต่างหลากหลาย ในรูปลักษณ์และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพราะถูกออกแบบมาให้ต่างกัน รหัส พันธุกรรมเป็นตัวกำหนดแบบ หรือโครงสร้าง รหัสพันธุกรรมคือ DNA DNA มี baseเรียก เป็นตัวอักษร A T C G เส้น DNA ของ มนุษย์มีความยาว ๓ พันล้านตัวอักษร ทั้ง ๓ พันล้านตัวอักษรมีความจำเพาะมาก ถ้า ผิดไปตัวหนึ่งเขาเรียกว่ากลายพันธุ์ ฉะนั้น การ เรียงลำดับตัวอักษรในรหัสพันธุกรรมกำหนดรูปลักษณ์ชีวิต คำถาม ก็คือ มี รหัสพัฒนา ที่ประกอบด้วยการเรียงลำดับ ตัวอักษรที่ต่างกันกำหนดรูปลักษณ์ของสังคมต่างกันหรือไม่

รหัสพัฒนา ของอารยธรรมตะวันตก เดิมมนุษย์อยู่กัน เป็นกลุ่ม หรือตามกระเปาะ วัฒนธรรม(Cultural pockets) วัฒนธรรม หมายถึงวิถีชีวิตร่วมกันของกลุ่มชนในสิ่งแวดล้อมหนึ่งๆ สิ่ง แวดล้อมแตกต่างหลากหลาย กันไปตาม สถานที่ต่างๆ วัฒนธรรมจึงมีความหลากหลายไปตามความ หลากหลายของ สิ่งแวดล้อม เมื่อ ประมาณ ๕๐๐ ปี ในยุโรปมีการค้น พบทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นความรู้ที่คม ชัด ลึก และมีเสน่ห์ แต่ยังไม่ใช่ปัญญา ยุโรปนำความ รู้ทางวิทยาศาสตร์ไปสร้างเทคโนโลยีที่มีอานุภาพมาก สร้าง อาวุธทรงอานุภาพ ชาวยุโรปใช้อำนาจมหาศาลมหาศาลนี้ บังคับหรือเข่นฆ่าผู้คนไปทุกทวีป กำลังผลิตด้วยเครื่องจักร ได้เกิดการผลิตมากเกินของยุคอุตสาหกรรม สินค้า เหล่านี้ต้องการผู้บริโภค จึงมีการทำทุกวิถีทางที่จะสร้าง ค่านิยมและผลักดันคนทั้งโลกเป็นผู้บริโภคทั้งหมด ก่อ ให้เกิดอารยธรรมใหม่ มีขอบเขตทั่วโลก เป็นอารยธรรม ตะวันตกซึ่งมีลักษณะเป็นวัตถุนิยม บริโภคนิยม และ เงินนิยม ถ้าทบทวนความเป็นมา ของอารยธรรมปัจจุบันจะเป็นได้ว่าเริ่มจากความรู้(Knowledge) นำสู่อำนาจ(Power)และ เงิน(Money) รหัส ของการพัฒนาในระบบนี้ จึง อาจเขียนได้ว่า KPM หรือ ความ รู้ – อำนาจ - เงิน วิกฤต อารยธรรมตะวันตกและการแสวงหาทางออก การ พัฒนาแบบสมัยใหม่ หรือแบบตะวันตก อาจ มีผลดีหลายอย่าง เช่น ความสะดวกสบายจากเครื่องทุ่นแรง การคมนาคม ฯลฯ แต่สิ่งที่เป็นผลจาก การพัฒนาตามแนวทางนี้เชิงประจักษ์อันปฏิเสธไม่ได้มี ๔ ประการ คือ

๑. ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยห่างกันมากขึ้น
๒. การทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล
๓. การทำลายวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ
๔. เกิดวิกฤตการณ์ทางสังคมอย่างรุนแรง

นักปราชญ์ตะวันตก เช่น Larslo, Grof และ Russell มีความเห็นว่า อารยธรรม ตะวันตกกำลังพาโลกทั้งโลกไปสู่วิกฤตการณ์อย่างรุนแรง นอก จาก จะมีการปฏิวัติจิตสำนึก ท่านทะไลลามะมีความเห็น ว่าโลกเป็นโลกบกพร่องทางจิต วิญญาณ(Spiritual deficiency decease) และต้องการการปฏิวัติทางจิตวิญญาณ(Spiritual Revolution) ท่านพุทธทาสมองเห็นวิกฤตการณ์ปัจจุบันนานแล้ว ท่านพร่ำ สอนว่า “ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ” ท่าน พุทธทาสเห็นว่าวิกฤตการณ์ปัจจุบันรุนแรง มาก ไม่มี ยาขนานไหนรักษาได้ นอกจาก โลกุตรธรรม ท่าน จึงใช้ชีวิตทั้งหมดปรุงยา โลกุตรโอสถให้เป็นยาสามัญประจำบ้าน

พระเจ้าอยู่หัวกับรหัสพัฒนาใหม่

รหัสพัฒนาของอารยธรรมตะวันตกคือ KPM หรือ ความรู้ - อำนาจ - เงิน ถ้ามองแนว ทางการพัฒนาของพระเจ้าอยู่หัวเชิงลึกจะเห็นว่า รหัสการพัฒนาต่างจากแนวทางตะวันตกโดยสิ้นเชิง รหัสพัฒนาบอก ทิฐิการพัฒนา จึง เป็นตัวกำหนดการปฏิบัติและผลการปฏิบัติที่ต่างกันถึงขั้นรากฐาน จึง มีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่เราควรทำความเข้าใจจากพระราชกรณีย กิจ พระราชดำรัส และพระราชนิพนธ์ ในการเข้าเฝ้าฯปีหนึ่ง ทรง มีพระราชดำรัสกับผู้เคยได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล ว่า “ใครจะว่าเชยก็ช่างเขา ขอ ให้เราพออยู่พอกิน และมีไมตรีจิตต่อกัน” พระราชดำรัสนี้ชี้ ให้เห็นสังคมอีกแบบหนึ่ง ซึ่งต่างไปจากสังคมปัจจุบันที่เน้น การแข่งขันเสรี “เชย” หมายถึง ไม่ทันสมัย “พอ อยู่พอกินและมีไมตรีจิตต่อกัน” หมายถึง เน้นการอยู่ร่วมกัน (Living together) ไม่ใช่แย่งชิง ทอด ทิ้งกัน แข่งขันเสรี ตัวใครตัวมัน

“สังคมไทยอยู่ได้เพราะมีการให้” เป็นพระราชดำรัสอีก ตอนหนึ่ง “เราควรถอยหลังเข้าคลอง” เป็นพระราชกระแส อีกตอนหนึ่ง “เพราะในคลองคลื่นลมสงบ มี ความปลอดภัย” ถ้า ออกไปในทะเลคลื่นลมแรง เรืออาจล่ม ที่จริง คำว่า “ถอยหลังเข้าคลอง” ใช้ในความหมายไม่ดี ถอย กลับไปสู่ความล้าหลัง แต่ก็ทรงใช้คำนี้อย่างเป็นการท้าทาย แต่สังคมไทย ก็ยังไม่เข้าใจ ยังทะยานออกสู่ทะเลลึกที่ คลื่นลมแรง ควร จำว่าใน พ.ศ. ๒๕๔๐ ในเดือนเดียว เงินไหลออก เกือบหมดประเทศ เพราะการออกไปโต้คลื่นลม แรง จนเรือล่ม ใช่หรือไม่ ใน พระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหา ชนก” โปรดอ่านให้ดีๆว่า พ่อค้า ๗๐๐ คน มีความโลภต้องการไปแสวงหาโชคลาภที่สุวรรณภูมิ แล่นเรือไปใน ทะเล คลื่นลมแรง เรืออับปางลง พ่อ ค้า ๗๐๐ คน อ้อนวอนให้เทวดา ช่วย ไม่คิดพึ่งตนเอง แล้วตายหมด

ในพระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก” พระมหาชนก คิดพึ่งตนเอง และมี ความเพียรอันบริสุทธิ์ พระมหาชนกมีแนวคิดที่แรงๆ เช่นว่า “คนทั้งปวงล้วนตกอยู่ในโมหภูมิ” โมหะ หมาย ถึง ความ โง่ ความหลงไป ในนั้น มีคำว่า “เมืองอวิชชา”ที่เต็มไปด้วยความชั่วช้า วิชชาที่มี ช ช้าง ๒ ตัว เป็นคำทางพุทธศาสนา ที่มีความหมายพิเศษ วิชชา หมายถึงปัญญาที่หลุดพ้นจาก ความโง่และความหลง ทำให้พ้นทุกข์ อวิชชา ความไม่รู้เป็นสาเหตุของความทุกข์และความ ยุ่งเหยิงวุ่นวายทางสังคม ซึ่งอาจเรียกว่า วิกฤตการณ์ ทางสังคมก็ได้

พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแส และพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงในรูปและนัยต่างๆ มา ประมาณ ๓๐ ปี รวมทั้งที่นำมา กล่าวข้างต้นนี้ด้วย เช่นที่ว่า “ใครจะว่าเชยก็ช่างเขา ขอ ให้เราพออยู่พอกิน และมีไมตรีจิตต่อกัน” คำถามในการ พัฒนาเศรษฐกิจกระแสหลักกับคำ ถามในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ไม่เหมือน กัน คำ ถามปัจจุบันคือ”ทำอย่างไรจะรวย” แต่คำ ถามใน วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง คือ “ความดีคืออะไร” รหัสพัฒนา ของวิถีเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาตามกระแสหลักไม่เหมือนกัน

รหัส พัฒนาตามกระแสหลักคือ KPM = ความ รู้ - อำนาจ - เงิน
รหัส พัฒนาตามกระแสเศรษฐกิจพอเพียงคือ GCK= ความ ดี - การอยู่ร่วมกัน - ความ รู้
G=Goodness = ความ ดี
C=Community หรือ Culture = วัฒนธรรมการ อยู่ร่วมกัน Knowledge=ความรู้

มรรควิธีวิถีแห่งความพอเพียง

การ ปรับเปลี่ยนจากวิถีเศรษฐกิจนิยม - บริโภคนิยม - เงินนิยม ไป สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรื่องยาก เพราะคนคุ้นเคยกับวิธี คิดและโครงสร้างเก่าใน สังคม ขอเสนอมรรค วิถี ๔ ประการ เพื่อปรับไปสู่ วิถีเศรษฐกิจพอเพียง ๑. สร้างทิฐิ และจิตสำนึกใหม่ ควร มีการรณรงค์ให้ผู้คนเปลี่ยนคำถามจาก “ทำอย่างไรจะรวย” ไป เป็นคำถามใหม่ว่า “ความดีคือ อะไร” เมื่อ ถามซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ทิฐิ และจิตสำนึกจะค่อยๆเปลี่ยนไป ว่าเป้าหมายของชีวิตและการ พัฒนาคือความดีและการอยู่ร่วมกัน ไม่ ไช่การทำกำไรสูงสุด รหัสพัฒนาใหม่คือ GCK หรือ ความ ดี - การอยู่ร่วมกัน - ความรู้ ความดีต้องเป็นตัวตั้ง การ อยู่ร่วมกันเป็นเป้าหมายความรู้เป็นเครื่องมือชีวิตและเศรษฐกิจพอเพียง

๒. การออกแบบ โครงสร้างการพัฒนาที่ถูกต้องสังคม มีเครื่องมือมากแต่ขาดการออกแบบโครงสร้างทุกชนิดต้องมีฐานที่แข็งแรง โครงสร้างนั้นจึงจะมั่นคง สังคมก็เช่นเดียว กันที่ต้องมีฐานที่แข็งแรง ฐานของสังคมคือชุมชน ท้อง ถิ่นแต่ฐานกลับอ่อนแอลงการพัฒนาข้างบนทุกชนิดต้องเชื่อม กับฐานล่างอยู่บนความเข้มแข็งของฐานล่าง จึงเป็นโครงสร้าง การ พัฒนาที่ถูกต้อง ชุมชนเข้มแข็งคือฐานของเศรษฐกิจพอเพียง หากมหาวิทยาลัยต่างๆรู้จักมองลงไปข้างล่างสนับสนุนความเข้มแข็ง ของ ชุมชนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยจะเป็นกำลังสำคัญต่อการพัฒนา เศรษฐกิจพอเพียง ถ้า เราเข้าใจความสำคัญของฐานล่างของสังคม ก็จะเข้าใจว่า ทำไม พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงตะลอนๆไปช่วยคนข้างล่างจนพระเสโทหยดจากปลายพระนาสิก การพัฒนาต่างๆข้างบนไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ การ ศึกษา พระศาสนา การ สาธารณสุข การ สื่อสาร ฯลฯ มี พลังมาก ถ้า เชื่อมกับฐานล่างให้ข้างล่างกับข้างบนเกื้อกูล ซึ่งกันและกัน ประเทศ ไทยจะแข็งแรง พอเพียง และเรืองแสง

๓. ส่งเสริม จิตตปัญญาศึกษาเพื่อการ เปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในตน การ ศึกษาทุกวันนี้เป็นการศึกษาวิชาต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องนอกตัว ทั้งสิ้น ไม่มีเลยที่ศึกษา เรื่องภายในตัวเอง จึง จำเป็นต้องดึงเอาพลังภายในขึ้นมาใช้มีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงขั้น พื้นฐานทั้งในตนเอง และเชิงองค์กร จึงจะเผชิญกับ วิกฤตรุนแรงของโลกได้ จิตตปัญญาศึกษาจะช่วยให้การ ปรับไปสู่วิถีแห่งความพอเพียงเป็นไปได้ง่ายมากขึ้นจึงควรทำความเข้าใจและส่งเสริมอย่างจริงจัง

๔. สร้าง เครื่องมือใหม่ทางสังคม(New Social Tool) โครงสร้างในองค์กรทุกชนิด เป็นโครงสร้างทางดิ่ง หมายถึง เน้น การใช้กฎหมาย กฎระเบียบ และการสั่งการจากบนลง ล่างเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจกับผู้ไม่มีอำนาจ โครง สร้างชนิดนี้ไม่มีพลังเพียงพอที่จะแก้ปัญหาที่ยากและซับซ้อน จำ เป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานเชิงองค์กร ซึ่ง ไม่ใช่การโค่นล้ม หรือ ทำลาย

วิธีการคือการสร้างความสัมพันธ์ทาง ราบ เป็นความสัมพันธ์ใหม่ทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยถือหลักว่า ทุกคนมีศักดิ์ศรี มีคุณค่าและมีศักยภาพ สามารถ เข้ามารวมกลุ่ม ร่วมคิด ร่วมทำ ด้วย ความเสมอภาคและเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย

หลัก การข้างต้นจะเกิดเป็นโครงสร้าง ทางสังคมใหม่ เรียกเป็น สัญลักษณ์ว่า INN ดังนี้

I = Individual หรือ ปัจเจกบุคคลที่ มีจิตสำนึกใหม่ว่าเรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มี คุณค่า มีศักยภาพที่จะทำอะไรดีๆ
N = Nodes คน ที่มีความสนใจร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกัน ร่วมคิด ร่วมทำ ทุกคนเสมอภาค เป็นความ สัมพันธ์ทางราบ
N = NETWORKS มีการเชื่อม โยงกันเป็นเครือข่ายทั้งระหว่างบุคคลและกลุ่ม แนวทางการพัฒนาของ พระเจ้าอยู่หัวอาจเรียกว่าเอาความดีเป็นตัวตั้ง เพื่อการอยู่ร่วมกัน โดยใช้ความรู้ ซึ่งอาจเขียนเป็นรหัสพัฒนาว่า GCKหรือ ความดี-การอยู่ร่วมกัน- ความรู้ การพัฒนาแบบเก่านำโลกเข้าไปสู่ความ เสื่อมเสียทางศีลธรรมและเจ็บป่วยมากขึ้นเรื่อยๆเพราะใช้เงินเป็นตัวตั้งหาก จะเยียวยาโลกได้ต้องใช้รหัสพัฒนาใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น